เริ่มต้นเช้านี้เราขอแวะถ่ายรูปที่จตุรัสเมอเดก้า Merdeka Square กันสักหน่อย แดดจัด แสงสวยแบบนี้ต้องไปหาตึกงามๆถ่ายซะหน่อย ที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้างนะเหรอ บริเวณจตุรัสแห่งนี้ มีเสาธงที่มีธงชาติของมาเลเซีย
นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีน้ำพุซึ่งอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Independence square อีกด้วย
และที่สำคัญ สถานที่ที่ใครๆก็ต้องไปเก็บภาพความประทับใจกลับมาก็คือที่นี่
อาคารสุลต่านอับดุล ซาหมัด อาคารนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบมูริส คืออินเดียผสมอาหรับ ความสูงของยอดโดม 41 เมตร ออกแบบโดย A.C.Norman และถูกสร้างในปี 1894-1897 ในวันชาติตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟด้วยนะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามอีกฝั่งจตุรัสอีกฝั่งจะมี Royal Selangor club อยู่ อาคารสีแดงๆข้างหลังนั่นนะจ๊ะ
สระไม่มีน้ำ แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนมีน้ำ
เสาไฟทำเป็นรูปดอกไม้ด้วย
Muzium Tekstil Negara หรือ National Textile Museum ตึกนี้ก็สวยไม่แพ้กัน
Muzium Sejarah Nesional และ Kuala Lumpur City Gallery
ถ่ายรูปกับที่นี่กันพอสมควร พวกเราก็ไปกันต่อ จากจตุรัสเมอร์เดก้า พวกเราขอไปแวะซื้อป๊อปคอร์น Garrett ใต้ตึกแฝดซะหน่อย เป็นเสบียง แหะๆ ทั้งที่เพิ่งจะกินข้าวจากโรงแรมมา โดนแดดที่จตุรัสเผาซะหิวเลย พอออกจากตึกแฝดเราก็มุ่งหน้าไปพระราชวัง Istana Negara ชมความงามของประตูวังซะหน่อย(ก็มันเข้าไปข้างในไม่ได้นี่นา) ที่นี่มีพื้นที่ถึง 13 เอเคอร์ ตั้งอยู่บนสโลฟของเขาบูกิตเปตาริง ปัจจุบันที่นี่ใช้เป็น Royal museum ส่วนวังใหม่อยู่ที่ jalan duta ทางเหนือของกัวลาลัมเปอร์
ที่นี่คนเยอะมาก และเราก็โชคดีมากว่าตอนไปถึงเป็นช่วงเปลี่ยนกะของทหารหน้าวังพอดี ได้ไปสัมผัสพี่ม้ากันอย่างใกล้ชิดด้วย
พี่ม้าตัวนี้ขี้เล่นมาก ใครมีกระเป๋าไปยืนถ่ายรูปใกล้ๆ ระวังมันงับกระเป๋าด้วยนะ
ทหารจะเปลี่ยนกะช่วงเที่ยงนะจ๊ะ ไปรอดูได้ พกร่มไปด้วยก็ดีนะ แดดร้อนมาก ถึงมากที่สุดเลย
ออกจากวังเราก็ขึ้นเหนือกันละ จะขอไปแวะสักการะ พระขันธกุมาร ที่Batu Cave ซะหน่อย Batu cave จะอยู่ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ 13 กิโลเมตร เป็นถ่ำหินปูนและเป็นวัดฮินดูที่มีรูปปั้นพระขันธกุมารหรือ Lord Murugan องค์ที่สูงที่สุดในโลกซึ่งมีความสูง 42.7 เมตร ใช้เวลาสร้างสามปี และนำมาประดิษฐานที่นี่ในเดือนมกราคม 2006 ที่วัดนี้ทุกปีจะมีเทศกาล Thaipusam คนฮินดูจะมากันมืดฟ้ามัวดิน เมากลิ่นกันเลย
ข้างในถ่ำเข้าไปชมกันได้นะมีรูปปั้นพระในศาสนาฮินดูประดับเยอะ เดินขึ้นบันไดแค่สองร้อยกว่าขั้นเอง 555 ที่นี่ไม่ได้มีแต่รูปปั้นพระขันธกุมารที่สูงเท่านั้น รูปปั้นหนุมานเองก็สูงไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ภายในวัดก็มีของขายสไตล์ภารตะอ่ะนะ แล้วก็นกพิราบเยอะมาก
ของกินสำหรับคนหรือสำหรับนกก็ไม่รู้นะ
เราไปกันต่อดีกว่ายังคงขึ้นเหนือต่อไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ท้องเริ่มร้องแล้วขอแวะเติมพลังก่อนขึ้นเขาแล้วกันนะ เราไปแวะกินอาหารจีนกันที่นี่เลย Garden Seafood Restaurant http://www.foodspotting.com/places/124333-garden-seafood-tanjung-malim-tanjung-malim
ขนมปังเนี่ยอร่อยมาก
อิ่มท้องกันแล้วก็พร้อมแล้วที่จะไปเวียนหัวกับทางขึ้นเขากันแล้ว Cameron Highland อยู่บนเขา Titiwangsa มีพื้นที่ 712 ตารางกิโลเมตร ขนาดประมาณเกาะสิงคโปร์กันเลยทีเดียว ส่วนความสูงนั้นก็อยู่ที่ระดับ 1070 -2031 เมตร แล้วแต่เขาอะนะคือมันมีหลายลูกมากเลย ที่นี่จะมีการเกษตรหลายรูปแบบ ไม่ได้มีแค่ชา กับสตอร์เบอรี่เท่านั้นนะ แต่ยังมีพวกกาแฟ ผัก ดอกไม้ ต้นไม้ กระบองเพชร สามารถเที่ยวชมกันได้แล้วแต่ชอบเลย แต่แน่นอนว่ายอดนิยมก็ต้องเป็นไร่ชา กับสตอร์เบอรี่ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะพลาดได้อย่างไร ไปแวะไร่ชากันสักหน่อย โชคไม่ดีนิดหน่อยตอนขึ้นเขามาฝนตก แล้วก็ตกตลอดเป็นระยะๆ เลยไม่ได้ไปเดินในไร่ชา ได้แต่นั่งจิบชาอยู่บนร้าน
ชานม กับชีสเค้กสตอร์เบอรี่อร่อยมาก
อย่าลืมซื้อชาเป็นของฝากกลับมาด้วยนะ ราคาไม่แพงเลย ขนมที่ใส่สตอร์เบอรี่ก็ใส่ได้สะใจมากแถมที่ชอบที่สุดคือราคาไม่แพงเลย ส่วนมื้อค่ำวันนี้ก็อากาศมันหนาวอ่ะเนอะก็ต้องขอกินหม้อไฟกันสักหน่อย
คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Heritage http://www.heritage.com.my/
จริงๆอยากออกมาเดินตลาดกลางคืนมากๆ เลยแต่ฝนตกทำให้ต้องนอนเล่นในโรงแรมอย่างเดียวเลย
วันที่สองก็ขอหลับก่อนเท่านี้นะ เดี๋ยวมาต่อ เรายังเที่ยวคาเมรอนกันไม่จบ พรุ่งนี้จะไปไหนกันต่อ ติดตามนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น