วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไปทำไมอีกนะ...มาเลเซีย วันที่ 3

เช้าแล้ว เช้าแล้ว แต่ไม่มีไก่ขันปลุก วิวนอกหน้าต่างช่างสดชื่นจริงๆ อากาศบนเขาบริสุทธิ์มาก ที่ยอดเขาไกลๆโน่นมีหมอกด้วย
 ดอกไม้ยามเช้า สดชื่นแท้

เอาล่ะลุกออกไปเที่ยวกันต่อดีกว่า วันนี้เราจะลงเขากัน แต่ระหว่างทางลงเขาเราจะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ก็เรายังไม่ได้ชมความงามของคาเมรอนกันเท่าไหร่เลยอ่ะเนอะ เรามาเริ่มกันที่ไร่สตอเบอรี่ดีกว่า ที่ไร่นี้สามารถเข้าไปเก็บผลได้เองเลย แต่ว่าลูกมันไม่ค่อยใหญ่เหมือนที่เค้าเก็บมาขายที่ร้านขายของเขาอ่ะ
 ลูกมันเล็กๆประมาณนี้อ่ะ ใต้ต้นสตอเบอรี่เป็นต้นพาสลีย์ปลูกเป็นแถวๆ เวลารดน้ำจะได้ได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ประหยัด 555
 ที่สวยๆ ใหญ่ๆเค้าก็เก็บใส่กล่องมาขายหมดแหละ แต่ก็ไปเก็บเอาบรรยากาศแล้วกันเนอะ
ที่ไร่สตอเบอรี่นี้ยังมีแปลงผักไฮโดรอีกด้วย ก็จะมีพวกผักจำพวกผักสลัดทั้งหลายนั่นแหละปลูกเยอะๆก็ดูสวยเหมือนกันนะ
 ใต้แปลงผักก็จะมีหัวไชเท้า
นอกจากนี้บนหลังคาทางเดินก็ยังมีองุ่นอีกด้วย ใช้พื้นที่ให้คุ้มที่สุด
ที่นี่ยังมีดอกไม้ขายเป็นกระถางๆด้วยนะ
 สารพัดชนิด หลากสี เห็นแล้วแสบตากันเลยทีเดียว
 กระบองเพชรก็มีนะ
ชื่นชมกับความงามของต้นไม้ใบไม้กันอิ่มก็ลงเขามาอีก ไปเจอร้านขายต้นไม้ใหญ่มากร้านหนึ่ง ก็ขายพวกต้นไม้ อุปกรณ์ตกแต่งสวน แต่ที่แปลกคือ มีสิ่งนี้อยู่ด้วย
นางกวัก หันไปเห็นเล่นเอางง เจ้าของร้านคนไทยป่าวหว่า มีนางกวักด้วย 555 ที่นี่มีขายพวกของกินด้วยนะ น่ากินและไม่แพง
คนมาแวะที่ร้านนี้เยอะเหมือนกัน เพราะมีของให้เลือกเยอะ แต่มาแวะเข้าห้องน้ำก็คงจะเยอะเหมือนกัน 55 เด็กจีนสองคนนี้เข้ามาในร้านก็วิ่งไปทั่ว ก็มันมีของเล่นน่ารักๆ แบบนี้ด้วยนี่เนอะ

จากนั้นพวกเราก็แวะนั่งจิบชาที่ไร่ชาอีกไร่ แต่ไร่นี้ดูจะเล็กกว่าเมื่อวานแล้วก็ต้นชาดูสูงวัยไปหน่อย เดินไปตามหาหนอนกันสักหน่อย 
 หนอนไม่เจอสักตัว แต่เอ..นี่ลูกอะไรหว่า
 อ๋อ ดอกชานี่เอง
ชื่นชมกับบรรยากาศ และจิบชาชิวๆ สักพัก แล้วพวกเราก็โบกมือลาคาเมรอน เพื่อเดินทางขึ้นเหนือกันต่อ จุดหมายถัดไปของเราก็คือ ปีนัง ไข่มุกแห่งเอเชียตะวันออก ใกล้บ้านเราเข้าไปทุกทีแล้ว ลงจากเขามาแล้วเราก็ขับไปยังสะพานปีนังสะพานแห่งนี้มีความยาวถึง 13.5 กิโลเมตรเลยทีเดียว อยู่เป็นอันดับ 3 ของโลกด้วย และเร็วๆนี้เราจะได้ใช้สะพานปีนังแห่งใหม่ใหม่ที่มีความยาวถึง 24 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเป็นสะพานที่มีความยาวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 ข้ามสะพานมาก็จะเป็นเกาะปีนัง ฝั่งที่เรามาถึงจะเรียกว่า Georgetown ส่วนฝั่งตรงข้ามก็คือ Butterworth ว่าแล้วเราก็ไปเที่ยวต่อกันเลย ไปไหว้พระเป็นสิริมงคลกันสักหน่อยนะ วัดนี้เลย วัดไทยในปีนัง จากสะพานปีนังใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทางประมาณ 23.9 กิโลเมตร(ตาม google map ไปนะ) ในวัดมีไอติมแบบไผ่ทองขายด้วยนะ
 ส่วนฝั่งตรงข้ามกับวัดไทยก็เป็นวัดพม่า ห่างกันแค่ถนนคั่น น่ารักจริงๆ คิดได้ยังไงสร้างอยู่ตรงข้ามกันเลย หน้าวัดพม่ามีคนไทยไปขายของฝากกระจุกกระจิกด้วยนะ แวะไปอุดหนุนกันได้(แอบแปลกใจว่าทำไมพี่เค้าไม่ไปขายหน้าวัดไทยแต่ไปตั้งร้านขายหน้าวัดพม่า)
คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Royal http://www.hotelroyalpenang.com/ ห้องพักโอเคนะ
หลังจากเช็คอินเก็บของเสร็จก็ออกไปเดินสำรวจแถวโรงแรมกันหน่อย ฝั่งตรงข้ามโรงแรมมีร้าน KFC ไม่ต้องกลัวหาของกินยากเลย ตึกแอบสวยด้วยนะ
เดินย้อนไปอีกนิดก็มีคล้ายๆศูนย์อาหารก็มีอาหารขายเยอะพอสมควร มีกะหรี่พัฟด้วย
แต่คืนนี้เราจะไม่กินกันแถวนี้หรอกเราจะไปกินข้างถนนกัน ไม่ใช่ ไปกินแนวแบบstreet food (เอ่อ มันก็ข้างถนนอะเนอะ) เป็นประมาณศูนย์อาหารกลางแจ้ง จะมีอาหารให้เลือกหลากหลายมากๆ ทั้งอาหารแนวจีน เปอรานากัน แนวอิสลาม อินเดีย ก็มี ราคาไม่แพงและอร่อยด้วย


อิ่มแล้วก็มานั่งชิวๆ ริมทะเล ชมจันทร์ แสนโรแมนติก อาหารแนว street food จะมีอยู่หลายที่ในปีนัง ไปลองกันได้ แต่ตอนนี้ง่วงแล้ว อิ่มแล้วก็ต้องนอน ขอกลับไปนอนก่อนนะ 
พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วที่จะอยู่มาเลย์ จะไปเที่ยวไหนกันต่อต้องติดตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น